เวลาโพสต์:
•
2023-03-22
อนุทิน ย้ำเป้าเดิม ภูมิใจไทย ขอเสียงแตะ 100 หวังเป็นพรรคแกนนำ สร้างความปรองดองนายอนุทินชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการยุบสภาว่าพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้งและเราเตรียมมานานแล้วจากนี้ก็มีแต่จะเร่งสร้างความไว้วางใจให้ประชาชนที่ผ่านมามีการบอกว่าเราดำเนินการเพื่อไปเป็นพรรคตัวแปรแล้วร่วมรัฐบาลขอบอกว่าถ้าคิดแบบนั้นเรามีแค่30-40เสียงก็ได้แล้วไม่ต้องตั้งใจจะเอามากมายแต่พรรคและหัวหน้าพรรคมองว่านอกจากโอกาสทำงานเราต้องพาประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรืองอย่างมั่นคงมีความปรองดองอันนี้สำคัญและเป็นความโดดเด่นของพรรคเราด้วยเราต้องนำทั้งฝ่ายอนุรักษ์และฝ่ายประชาธิปไตยมาร่วมมือกันเดินหน้าพัฒนาประเทศ“เราต้องสร้างให้พี่น้องประชาชนแข็งแรงก่อนถ้าฐานมันแข็งแรงส่วนอื่นๆก็แข็งแรงถ้าฐานอ่อนแอมันก็พังทั้งหมดตอนนี้ประชาชนต้องหาทางให้อยู่ดีกินลดรายจ่ายเพิ่มรายได้เราเลยมีนโยบายพักหนี้3ปีไม่เกิน1ล้านบาทเราเลยมีนโยบายเกษตรร่ำรวยเพื่อช่วยเหลือประชาชน”ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงจำนวนส.ส.ที่พรรคจะได้รับนายอนุทินย้ำว่าน่าจะถึง100เสียงปัจจุบันมีประมาณ75ที่นั่งเป้าของเราไป100แล้วตอนนี้เมื่อถามย้ำถึงตัวเลข70ที่นั่งนายอนุทินย้ำว่าอันนั้นเป็นข้อมูลของโพลทั่วไปแต่เป้าของเราต้องแตะหลัก100เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลนายอนุทินตอบว่าที่ผ่านมาเราทำงานด้วยกันได้มีผลงานทุกพรรคประชาธิปัตย์ดูแลกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯได้ดีอย่างกระทรวงทรัพยากรก็ทำงานดีทุกพรรคตั้งใจทำงานภูมิใจไทยเราก็จัดการโควิดมีประสิทธิภาพต้องขอบคุณครม.กับภาคประชาชนที่สนับสนุนคมนาคมเราก็พัฒนาถนนหนทางการเดินทางสะดวกสบายขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตอนนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากมายเป็นความร่วมมือที่ดีรัฐบาลผสมก็มีส่วนดีมันเช็กแอนด์บาลานซ์เมื่อถามว่าแล้วจะเลือกใครเป็นนายกฯนายอนุทินตอบว่าต้องรอหลังเลือกตั้งแล้วหารือกันมันมีปัจจัยจำนวนมากให้ต้องคิดทั้งเสียงส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้ทั้งท่าทีของส.ว.เมื่อถามว่าการโจมตีทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับพรรคภูมิใจไทยกระทบกับคะแนนเสียงหรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า“ผมมองว่าพรรคเรามีราคาก็ต้องถูกด้อยค่าแค่นั้นเองแต่เราไม่ไปสู้นะลุยหาเสียงสร้างความไว้ใจกับประชาชนดีกว่าการที่เรามาหยุดโต้ตอบมันอาจจะทำให้เราพลาดลงพื้นที่ไป10-20ตำบลแล้วเรื่องที่เขาพูดมันก็ชัดอยู่แล้วว่าไม่เป็นความจริงอย่างเรื่องเงินเข้าธนาคาร30,000ล้านบาทมันเป็นไปได้ที่ไหนเงินเข้ามาขนาดนี้ถูกตรวจสอบตายแล้วมาบอกว่ามีทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้มนี่ก็เป็นไปไม่ได้เรื่องยังไม่ผ่านครม.เลยกาลเวลาจะพิสูจน์เอง”นายอนุทินชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการยุบสภาว่าพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้งและเราเตรียมมานานแล้วจากนี้ก็มีแต่จะเร่งสร้างความไว้วางใจให้ประชาชนที่ผ่านมามีการบอกว่าเราดำเนินการเพื่อไปเป็นพรรคตัวแปรแล้วร่วมรัฐบาลขอบอกว่าถ้าคิดแบบนั้นเรามีแค่30-40เสียงก็ได้แล้วไม่ต้องตั้งใจจะเอามากมายแต่พรรคและหัวหน้าพรรคมองว่านอกจากโอกาสทำงานเราต้องพาประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรืองอย่างมั่นคงมีความปรองดองอันนี้สำคัญและเป็นความโดดเด่นของพรรคเราด้วยเราต้องนำทั้งฝ่ายอนุรักษ์และฝ่ายประชาธิปไตยมาร่วมมือกันเดินหน้าพัฒนาประเทศ“เราต้องสร้างให้พี่น้องประชาชนแข็งแรงก่อนถ้าฐานมันแข็งแรงส่วนอื่นๆก็แข็งแรงถ้าฐานอ่อนแอมันก็พังทั้งหมดตอนนี้ประชาชนต้องหาทางให้อยู่ดีกินลดรายจ่ายเพิ่มรายได้เราเลยมีนโยบายพักหนี้3ปีไม่เกิน1ล้านบาทเราเลยมีนโยบายเกษตรร่ำรวยเพื่อช่วยเหลือประชาชน”ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงจำนวนส.ส.ที่พรรคจะได้รับนายอนุทินย้ำว่าน่าจะถึง100เสียงปัจจุบันมีประมาณ75ที่นั่งเป้าของเราไป100แล้วตอนนี้เมื่อถามย้ำถึงตัวเลข70ที่นั่งนายอนุทินย้ำว่าอันนั้นเป็นข้อมูลของโพลทั่วไปแต่เป้าของเราต้องแตะหลัก100เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลนายอนุทินตอบว่าที่ผ่านมาเราทำงานด้วยกันได้มีผลงานทุกพรรคประชาธิปัตย์ดูแลกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯได้ดีอย่างกระทรวงทรัพยากรก็ทำงานดีทุกพรรคตั้งใจทำงานภูมิใจไทยเราก็จัดการโควิดมีประสิทธิภาพต้องขอบคุณครม.กับภาคประชาชนที่สนับสนุนคมนาคมเราก็พัฒนาถนนหนทางการเดินทางสะดวกสบายขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตอนนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากมายเป็นความร่วมมือที่ดีรัฐบาลผสมก็มีส่วนดีมันเช็กแอนด์บาลานซ์เมื่อถามว่าแล้วจะเลือกใครเป็นนายกฯนายอนุทินตอบว่าต้องรอหลังเลือกตั้งแล้วหารือกันมันมีปัจจัยจำนวนมากให้ต้องคิดทั้งเสียงส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้ทั้งท่าทีของส.ว.เมื่อถามว่าการโจมตีทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับพรรคภูมิใจไทยกระทบกับคะแนนเสียงหรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า“ผมมองว่าพรรคเรามีราคาก็ต้องถูกด้อยค่าแค่นั้นเองแต่เราไม่ไปสู้นะลุยหาเสียงสร้างความไว้ใจกับประชาชนดีกว่าการที่เรามาหยุดโต้ตอบมันอาจจะทำให้เราพลาดลงพื้นที่ไป10-20ตำบลแล้วเรื่องที่เขาพูดมันก็ชัดอยู่แล้วว่าไม่เป็นความจริงอย่างเรื่องเงินเข้าธนาคาร30,000ล้านบาทมันเป็นไปได้ที่ไหนเงินเข้ามาขนาดนี้ถูกตรวจสอบตายแล้วมาบอกว่ามีทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้มนี่ก็เป็นไปไม่ได้เรื่องยังไม่ผ่านครม.เลยกาลเวลาจะพิสูจน์เอง”นายอนุทินชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการยุบสภาว่าพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้งและเราเตรียมมานานแล้วจากนี้ก็มีแต่จะเร่งสร้างความไว้วางใจให้ประชาชนที่ผ่านมามีการบอกว่าเราดำเนินการเพื่อไปเป็นพรรคตัวแปรแล้วร่วมรัฐบาลขอบอกว่าถ้าคิดแบบนั้นเรามีแค่30-40เสียงก็ได้แล้วไม่ต้องตั้งใจจะเอามากมายแต่พรรคและหัวหน้าพรรคมองว่านอกจากโอกาสทำงานเราต้องพาประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรืองอย่างมั่นคงมีความปรองดองอันนี้สำคัญและเป็นความโดดเด่นของพรรคเราด้วยเราต้องนำทั้งฝ่ายอนุรักษ์และฝ่ายประชาธิปไตยมาร่วมมือกันเดินหน้าพัฒนาประเทศ“เราต้องสร้างให้พี่น้องประชาชนแข็งแรงก่อนถ้าฐานมันแข็งแรงส่วนอื่นๆก็แข็งแรงถ้าฐานอ่อนแอมันก็พังทั้งหมดตอนนี้ประชาชนต้องหาทางให้อยู่ดีกินลดรายจ่ายเพิ่มรายได้เราเลยมีนโยบายพักหนี้3ปีไม่เกิน1ล้านบาทเราเลยมีนโยบายเกษตรร่ำรวยเพื่อช่วยเหลือประชาชน”ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงจำนวนส.ส.ที่พรรคจะได้รับนายอนุทินย้ำว่าน่าจะถึง100เสียงปัจจุบันมีประมาณ75ที่นั่งเป้าของเราไป100แล้วตอนนี้เมื่อถามย้ำถึงตัวเลข70ที่นั่งนายอนุทินย้ำว่าอันนั้นเป็นข้อมูลของโพลทั่วไปแต่เป้าของเราต้องแตะหลัก100เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลนายอนุทินตอบว่าที่ผ่านมาเราทำงานด้วยกันได้มีผลงานทุกพรรคประชาธิปัตย์ดูแลกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯได้ดีอย่างกระทรวงทรัพยากรก็ทำงานดีทุกพรรคตั้งใจทำงานภูมิใจไทยเราก็จัดการโควิดมีประสิทธิภาพต้องขอบคุณครม.กับภาคประชาชนที่สนับสนุนคมนาคมเราก็พัฒนาถนนหนทางการเดินทางสะดวกสบายขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตอนนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากมายเป็นความร่วมมือที่ดีรัฐบาลผสมก็มีส่วนดีมันเช็กแอนด์บาลานซ์เมื่อถามว่าแล้วจะเลือกใครเป็นนายกฯนายอนุทินตอบว่าต้องรอหลังเลือกตั้งแล้วหารือกันมันมีปัจจัยจำนวนมากให้ต้องคิดทั้งเสียงส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้ทั้งท่าทีของส.ว.เมื่อถามว่าการโจมตีทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับพรรคภูมิใจไทยกระทบกับคะแนนเสียงหรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า“ผมมองว่าพรรคเรามีราคาก็ต้องถูกด้อยค่าแค่นั้นเองแต่เราไม่ไปสู้นะลุยหาเสียงสร้างความไว้ใจกับประชาชนดีกว่าการที่เรามาหยุดโต้ตอบมันอาจจะทำให้เราพลาดลงพื้นที่ไป10-20ตำบลแล้วเรื่องที่เขาพูดมันก็ชัดอยู่แล้วว่าไม่เป็นความจริงอย่างเรื่องเงินเข้าธนาคาร30,000ล้านบาทมันเป็นไปได้ที่ไหนเงินเข้ามาขนาดนี้ถูกตรวจสอบตายแล้วมาบอกว่ามีทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้มนี่ก็เป็นไปไม่ได้เรื่องยังไม่ผ่านครม.เลยกาลเวลาจะพิสูจน์เอง”...